บริษัท สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นการดำเนินธุรกิจเมื่อปี พ.ศ.2533 ด้วยการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายหนังสือการ์ตูนลิขสิทธิ์จากประเทศญี่ปุ่นซึ่งได้รับความนิยมจากผู้อ่านตลอดมา จนปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายการ์ตูนลิขสิทธิ์จากประเทศญี่ปุ่นมากที่สุดรายหนึ่งของประเทศไทย ต่อมาบริษัทได้ขยายธุรกิจไปสู่การผลิตและจำหน่ายหนังสือประเภทพ็อกเกตบุ๊คและนวนิยายจีนกำลังภายในลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ อาทิ อังกฤษ อเมริกา เยอรมัน ญี่ปุ่น เกาหลี และจีน และยังได้ขยายไปสู่การผลิตและจำหน่ายการ์ตูนลิขสิทธิ์จากประเทศอเมริกา จีน และเกาหลี ซึ่งสินค้าประเภทสิ่งพิมพ์ของบริษัทได้รับความนิยมจากผู้อ่านอย่างต่อเนื่องและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง  ปัจจุบันยังได้ขยายไปสู่ธุุรกิจ E-BOOK

จากความสำเร็จด้านธุรกิจสิ่งพิมพ์ บริษัทจึงได้ขยายไปสู่ธุรกิจมัลติมีเดีย โดยในปี พ.ศ. 2545 บริษัทได้เริ่มผลิตรายการวิทยุกีฬาและสาระบันเทิง 24 ชั่วโมง ในชื่อ “สปอร์ตเรดิโอ” ปัจจุบันออกอากาศทางสถานีวิทยุ FM 96 MHz และยังรับฟังรายการได้ทางเว็บไซต์ www.smmsport.com ปัจจุบัน “สปอร์ตเรดิโอ” ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในแวดวงคนรักกีฬาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

และเมื่อปี พ.ศ. 2553 บริษัทได้ขยายไปสู่การผลิตสื่อโทรทัศน์ดาวเทียมในชื่อ “SMMTV” สถานีข่าวกีฬา “รู้ลึก รู้จริง
รู้ทุกสิ่งกีฬาโลก” นำเสนอรายการกีฬาหลากหลายรูปแบบตลอด 24 ชั่วโมง ปัจจุบันสามารถรับชมรายการของ SMMTV ได้ทางจานดาวเทียมระบบ C-Band (จานดำ) ความถี่ 3545 Symbol Rate V30000 รวมทั้งเคเบิลทีวีทั่วประเทศ, เว็บไซต์ www.smmsport.com และแอพพลิเคชั่นโทรศัพท์มือถือระบบ iOS และ Android

นอกจากนี้ในปี พ.ศ. 2553 บริษัทยังได้เริ่มขยายธุรกิจไปสู่ด้าน New Media โดยนำเสนอข้อมูลข่าวสารในแวดวงกีฬาและสาระบันเทิงในรูปแบบดิจิตอลคอนเทนท์เผยแพร่ทางเว็บไซต์ ได้แก่ www.thaileagueonline.com นำเสนอข่าวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการแข่งขันฟุตบอลไทยทุกลีก ต่อมาบริษัทเปิดเว็บไซต์ www.smmsport.com ให้เป็นศูนย์รวมคอนเทนท์ด้านกีฬาทั่วโลก นอกจากนี้บริษัทยังให้บริการข้อมูลกีฬาและโหราศาสตร์ทางระบบ 1900 อีกด้วย

จากการที่บริษัทมีสื่อหลากหลายประเภท บริษัทจึงได้ดำเนินธุรกิจขายโฆษณาทั้งโฆษณาสิ่งพิมพ์ และโฆษณาสื่อมัลติมีเดียทั้งวิทยุ โทรทัศน์ดาวเทียม และเว็บไซต์

การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการที่สำคัญ

ปี พ.ศ. เหตุการณ์สำคัญ
 2533 ก่อตั้ง บริษัท สยามคอมิกส์ จำกัด
 2536 เปลี่ยนชื่อจาก บริษัท สยามคอมิกส์ จำกัด เป็น บริษัท สยามอินเตอร์คอมิกส์ จำกัด
 2545 เริ่มธุรกิจผลิตและดำเนินงานสถานีวิทยุกีฬา 24 ชั่วโมง “สปอร์ตเรดิโอ”
 2546 บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 150,000,000 บาท เป็น 170,000,000 บาท
เปลี่ยนชื่อจาก บริษัท สยามอินเตอร์คอมิกส์ จำกัด เป็น บริษัท สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด และ
แปลงสภาพจากบริษัท จำกัด เป็น บริษัท จำกัด (มหาชน)
 2547 บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 170,000,000 บาท เป็น 240,000,000 บาท เพื่อรองรับการเพิ่มทุน
จากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก
 2551
  • บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 240,000,000 บาท เป็น 372,000,000 บาท เพื่อรองรับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (SMM-W1) และจัดสรรให้กับกรรมการและพนักงานของบริษัท (ESOP-W1)
  • บริษัทออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญรุ่นที่ 1 ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท (SMM-W1) จำนวนไม่เกิน 120,000,000 หน่วย
  • บริษัทออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพื่อจัดสรรให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัท (ESOP-W1) จำนวนไม่เกิน 12,000,000 หน่วย
 2553
  • บริษัทเริ่มดำเนินธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียมในชื่อ “SMMTV” นำเสนอรายการกีฬา 24 ชั่วโมง ปัจจุบันออกอากาศผ่านดาวเทียมระบบ C-Band ความถี่ 3545 V30000, จานดาวเทียม PSI, เคเบิลทีวีทั่วประเทศ หรือดูออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ รวมทั้งแอพพลิเคชั่น iPad, iPhone, Android และสมาร์ทโฟน
  • บริษัทเริ่มดำเนินธุรกิจด้าน New Media โดยนำเสนอข้อมูลข่าวสารในแวดวงกีฬาในรูปแบบดิจิตอลคอนเทนท์เผยแพร่ทางเว็บไซต์ www.thaileagueonline.com ก่อนจะพัฒนาเพิ่มเติมเป็น www.smmsport.com
 2554 บริษัทเปิด “ศูนย์ข่าวมัลติมีเดีย” เพื่อนำเสนอข่าวกีฬาและข่าวสำคัญอื่นๆ ผ่านสื่อมัลติมีเดียของ
บริษัท อาทิ วิทยุ “สปอร์ตเรดิโอ” FM 96, SMMTV, เว็บไซต์กีฬา
 2555
  • บริษัทลดทุนจดทะเบียนจาก 372,000,000 บาท เป็น 240,050,003 บาท
  • บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 240,050,003 บาท เป็น 312,065,003 บาท เพื่อรองรับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (SMM-W2) และจัดสรรให้กับกรรมการและพนักงานของบริษัท (ESOP-W2)
  • บริษัทออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญรุ่นที่ 2 (SMM-W2) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท จำนวนไม่เกิน 60,012,500 หน่วย
  • บริษัทออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพื่อจัดสรรให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัท (ESOP-W2) จำนวนไม่เกิน 12,002,500 หน่วย
  • บริษัทขยายศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มอีก 1 แห่งเพื่อรองรับการขยายธุรกิจสิ่งพิมพ์
2556
  • บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 312,065,003 บาท เป็น 336,956,137 บาท เพื่อรองรับการจัดสรรหุ้นปันผลและรองรับการปรับสิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญรุ่นที่ 2 (SMM-W2) ให้แก่ ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทและใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพื่อจัดสรรให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัท (ESOP-W2)
  • บริษัทจัดตั้งบริษัทย่อยในชื่อ “บริษัท มีดีส์ คอนเทนท์ จำกัด” เพื่อรับโอนกิจการของบริษัทในธุรกิจสิ่งพิมพ์ การดำเนินการร้านหนังสือบุ๊คเฟรนด์ และสำนักพิมพ์ กลุ่มวัยรุ่น ด้วยทุนจดทะเบียน 20,000,000 บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท โดยบริษัท สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นร้อยละ 99.70 ของทุนจดทะเบียน
2557 บริษัทลดทุนจดทะเบียนจาก 336,956,137 บาท เป็น 332,442,228 บาท จากการจัดสรรหุ้นปันผล
และการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพื่อจัดสรรให้แก่กรรมการและพนักงานของ
บริษัท (ESOP-W2)
 2558
  •  บริษัททำรายการจำหน่ายหุ้นสามัญในบริษัท มีดีส์ คอนเทนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จำนวน 199,400 หุ้น ราคาขายหุ้นละ 100 บาท โดยจำหน่ายออกหมดทั้งจำนวนแล้ว
  • บริษัทลดทุนจดทะเบียนจาก 332,442,228 บาท เป็น 288,937,689 บาท จากการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท รุ่นที่ 2 (SMM-W2)
  • บริษัทออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญรุ่นที่ 3 (SMM-W3) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท จำนวนไม่เกิน 72,234,422 หน่วย
  • บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 288,937,689 บาท เป็น 361,172,111 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท รุ่นที่ 3 (SMM-W3)
  • บริษัทลงนามสัญญากับสหพันธ์วอลเลย์บอลแห่งเอเชีย หรือ Asian Volleyball Confederation (AVC) ให้เป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดและสิทธิ์ในการบริหารสิทธิประโยชน์ทางการตลาดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 – 2562 รวมระยะเวลา 4 ปี